เที่ยวญี่ปุ่น 2023 ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้เที่ยวเอง มีเงื่อนไขและขั้นตอนอย่างไร?

16953
เที่ยวญี่ปุ่น 2023

ญี่ปุ่นประกาศเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อปี 2022 (พ.ศ. 2565) จนปัจจุบันก็เข้าสู่ปี 2023 (พ.ศ. 2566) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางคนอาจจะยังมีความกังวลเรื่องโควิด-19 ระบาด เลยยังไม่ได้จองตั๋วกันไปทันทีหลังจากที่เปิดประเทศ โดยเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมานั้น เราสามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองการตรวจโควิดแล้วจ้า ปีนี้ก็คงเป็นปีที่หลายคนจะได้กลับไปเที่ยวญี่ปุ่นกันหลังจากรอดูสถานการณ์กันมาหลายเดือน ซึ่งเราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เป็นปกติแล้ว เย่ๆ

สรุปสาระสำคัญในการเที่ยวญี่ปุ่น 2023

มาตรการตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2566

  • ไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในชีวิตประจำวัน สามารถเลือกได้เองว่าจะสวมหรือไม่
  • แนะนำว่าควรสวมหน้ากากอนามัยในบางสถานการณ์ เช่น กรณีที่ขึ้นรถไฟหรือรถบัสที่แออัด หรือสถานีที่ที่มีคนหนาแน่น กรณีที่มีอาการของโรค

มาตรการตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2566

  • ไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม หรือใบรับรองการตรวจโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง

ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวได้เมื่อไหร่?

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2022 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง หลังจากปิดประเทศไปนานกว่า 2 ปี ก่อนหน้านี้มีการอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าแบบต่างๆ เข้าประเทศญี่ปุ่นได้แล้ว จนวันที่ 11 ตุลาคม 2022 หากมาเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน สามารถเดินทางมาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้วค่ะ

วันที่เริ่มใช้มาตรการรูปแบบการเดินทาง
11 ตุลาคม 2022~· เที่ยวเองได้อิสระ
· แบบกรุ๊ปทัวร์
หมายเหตุ: ไม่ต้องขอวีซ่า หากท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน
7 กันยายน 2022~· แบบกรุ๊ปทัวร์ โดยมีไกด์เดินทางมาด้วย
· ใช้บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักผ่านบริษัททัวร์ โดยไม่ต้องมีไกด์เดินทางมาด้วย
หมายเหตุ: ต้องขอวีซ่าระยะสั้นเพื่อการท่องเที่ยว
10 มิถุนายน 2022~· แบบกรุ๊ปทัวร์ โดยมีไกด์เดินทางด้วยตลอดทริปเท่านั้น
หมายเหตุ: ต้องขอวีซ่าระยะสั้นการท่องเที่ยว

หมายเหตุ: วิธีนับจำนวนวันที่สามารถอยู่ในญี่ปุ่นได้ คือ ให้นับวันที่เดินทางถึง + 15 วัน
เช่น ถ้าเดินทางถึงวันที่ 11 + 15 วัน = อยู่ในญี่ปุ่นได้ไม่เกินวันที่ 26 เวลา 23:59 น.

ไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องฉีดวัคซีนอะไร ต้องกักตัวหรือไม่?

นับเป็นข่าวดีที่นักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนรอคอย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางญี่ปุ่นได้ยกเลิกมาตรการแบ่งกลุ่มประเทศเป็นสีต่างๆ ตามระดับความเสี่ยง ซึ่งก็จะไม่มีการตรวจหาเชื้อโควิดในสนามบินที่ญี่ปุ่น (ยกเว้นผู้ที่มีอาการของโรค) รวมทั้งยกเลิกมาตรการกักตัวต่างๆ อีกด้วยนะคะ และมาตรการล่าสุดที่เริ่มตั้งแต่ 29 เมษายน 2023 ทำให้เราสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีนหรือไม่ ฉีดยี่ห้ออะไร ฉีดมาแล้วกี่เข็ม หรือจะติดโควิดมาก่อนเดินทางหรือไม่ เพราะเราไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองการตรวจโควิดก่อนออกเดินทาง เนื่องจากทางญี่ปุ่นได้ลดระดับมาตรการมาอยู่ที่ระดับ 5 (เท่าไข้หวัดใหญ่) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หมายเหตุ:

  • ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นโดยมีอาการสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับการตรวจเมื่อเดินทางมาถึง

อ้างอิงจาก mhlw.go.jp (ข้อมูล ณ 2 พฤษภาคม 2566)

จะไปเที่ยวญี่ปุ่น 2023 ต้องทำอย่างไร?

ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวกันแล้วตั้งแต่ปี 2022 (พ.ศ. 2565) และตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 (พ.ศ. 2566) ก็ได้ยกเลิกเงื่อนไขต่างๆ ที่เพิ่มมาในช่วงการระบาดของโควิด-19 ไปแล้วทั้งการแสดงเอกสารใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด (3 เข็ม) หรือใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบ 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง

แต่ปัจจุบ้นก็มีขั้นตอนการลงทะเบียนเข้าประเทศที่เราต้องทราบไว้ก่อนนะคะ เนื่องจากว่ามีพิธีการในการเดินทางเข้าประเทศที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ โดยสรุปได้ดังนี้

  • ผู้ที่ถือพาสปอร์ตสัญชาติไทยจะได้ฟรีวีซ่า 15 วัน
  • ควรลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเดินทางมาญี่ปุ่น เพื่อความรวดเร็วในการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการศุลกากร

※ตั้งแต่ 11 ตุลาคม 2565 สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ และไม่ต้องขอวีซ่า หากมาท่องเที่ยวไม่เกิน 15 วัน
※ตั้งแต่ 29 เมษายน2566 สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทาง

ขั้นตอนการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่น

1. ทำพาสปอร์ต

พาสปอร์ตควรมีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือน เนื่องจากบางสายการบินจะไม่อนุญาตให้คนที่พาสปอร์ตที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนขึ้นเครื่องบินนะคะ [ดูวิธีการทำพาสปอร์ตที่นี่]

หมายเหตุ:

  • คนที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวนะคะ
  • คนที่ต้องขอวีซ่าระยะสั้น จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
    • ยื่นได้ที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าญี่ปุ่น (JVAC) [ดูรายชื่อศูนย์ที่นี่] หรือมอบหมายให้ผู้อื่นยื่นขอวีซ่าแทนได้ [ดูรายละเอียดที่นี่ *ตรงข้อ 6]
    • ต้องใช้เอกสารประกอบการขอวีซ่า เช่น พาสปอร์ต ใบคำร้องขอวีซ่า รูปถ่าย ทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองการทำงาน เป็นต้น [ดูรายละเอียดเอกสารที่นี่]
    • มีค่าธรรมเนียมวีซ่า 870 บาท + ค่าดำเนินการของศูนย์ 705 บาท รวมเป็น 1,575 บาท

2. ลงทะเบียนล่วงหน้าที่ Visit Japan Web

ในตอนขาเข้าประเทศญี่ปุ่นจะมีกระบวนการสำคัญ 3 กระบวนการ คือ ด่านกักกันโรค (Quarantine), การตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) และศุลกากร (Customs) ซึ่งผู้เดินทางสามารถลงทะเบียนกรอกข้อมูลทางออนไลน์ก่อนได้ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าประเทศ แล้วจะได้เป็น QR Code สำหรับนำไปแสดงตามจุดต่างๆ ที่สนามบิน (หากไม่ลงเบียนก่อนจะต้องมากรอกเป็นกระดาษ) โดยมีขั้นตอนดังนี้

ก่อนขึ้นเครื่องบินมายังญี่ปุ่น

ให้ลงทะเบียนเว็บไซต์ Visit Japan Web » https://www.vjw.digital.go.jp/ (※ต้องเป็นเว็บไซต์เท่านั้น โปรดระวังแอปฯ หลอกลวง)

  • ขั้นตอน 0: สร้าง Account ใหม่สำหรับไว้ใช้ Login (※ต้องใช้อีเมล)
  • ขั้นตอน 1: ลงทะเบียนข้อมูลของผู้เดินทาง (※ต้องใช้พาสปอร์ต)
    • หมวดหมู่ของขั้นตอนการเข้าประเทศ
    • ข้อมูลพาสปอร์ต (เลขพาสปอร์ต, ชื่อ, สัญชาติ, วันเกิด, วันหมดอายุ)
    • ข้อมูลทั่วไป (อาชีพ, ประเทศ, เมือง)
  • ขั้นตอน 2: ลงทะเบียนกำหนดการเดินทาง
    • วันที่เดินทางมาถึง
    • สายการบินและหมายเลขเที่ยวบิน
    • ที่พัก (ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์)
  • ขั้นตอน 3: ลงทะเบียนข้อมูลที่จำเป็นในกระบวนการเข้าประเทศ ได้แก่
    • Quarantine (ถ้าไม่มีอาการป่วยให้ตอบ No)
    • Immigration clearance and Customs declaration

หมายเหตุ:

  • สามารถลงทะเบียนทางเว็บไซต์หรือไม่ลงก็ได้ โดยสามารถกรอกในใบสีเหลือง 2 ใบที่แอร์ฯ แจกบนเครื่องบินหรือที่สนามบินได้เช่นกัน
  • ปัจจุบันบางสายการบินไม่แจกใบสีเหลืองบนเครื่องบินให้แล้ว ต้องมากรอกก่อนผ่านตม. ซึ่งอาจทำให้เสียเวลา

※ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทางแล้ว

เมื่อถึงสนามบินที่ญี่ปุ่น

ขั้นตอน 4: หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ จะได้รับ QR Code ให้นำไปแสดงที่

  • ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) สำหรับข้อมูล Immigration (Disembarkation Card)
  • ด่านศุลกากร (Customs) สำหรับข้อมูล Customs Declaration

หมายเหตุ:

  • ตั้งแต่ 25 มกราคม 2567 เวลาตี 3 (ของญี่ปุ่น) ระบบได้รวม QR Code เหลือเพียงโค้ดเดียวเท่านั้น
    ※หากลงทะเบียนก่อนเวลานี้ QR Code แบบเดิม (ที่มี 2 โค้ด) จะใช้งานไม่ได้แล้ว
    ※ควรตรวจสอบ QR Code ว่าเป็นแบบใหม่ (ที่รวมกันเหลือ 1 โค้ด) หรือไม่ ก่อนนำไปสแกนที่สนามบิน
  • ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องแสดงหน้าจอสีฟ้าที่ Quarantine(Fast Track) แล้ว
  • ตั้งแต่ 28 ธันวาคม 2565 ไม่ต้องแสดง QR Code ที่ Quarantine(Fast Track) แล้ว
  • หากกรอกข้อมูลในใบสีเหลือง Disembarkation Card ก็ให้ยื่นใบที่กรอกที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) ได้
  • ที่ด่านศุลกากร (Customs) จะมีแถวแยกระว่าง QR Code และใบสีเหลือง Customs Declaration ให้ไปเข้าแถวตามที่จะใช้ยื่น
เมื่ออยู่ในญี่ปุ่น
Tax Free QR Code
ตัวอย่าง Tax Free QR Code

ขั้นตอน 5: สามารถใช้ “Tax-free shopping service” โดยแสดง QR Code ที่ร้านค้า Tax-free Shop ตอนจ่ายเงิน โดยไม่ต้องยื่นพาสปอร์ตตัวจริงได้ (โดยปกติเวลาจะทำเรื่องขอคืนภาษี จะต้องแสดงพาสปอร์ตตัวจริงเท่านั้น)

หมายเหตุ:

  • Tax-free shopping service เป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อปี 2566 จะลงทะเบียนหรือไม่ก็ได้
  • ตอนลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ต้องใช้พาสปอร์ตตัวจริง และต้องสแกน QR Code บนสแตมป์ที่ติดในพาสปอร์ตหลังจากที่ผ่านตม.
  • จำกัดเฉพาะร้านค้าที่รองรับการอ่าน QR Code การยกเว้นภาษี
  • ต้องสแกน QR Code ผ่านเว็บ ไม่สามารถใช้แคปเจอร์หน้าจอได้

3. ซื้อประกันเดินทาง

ควรซื้อประกันเดินทางต่างประเทศเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ซึ่งหากมีประกันการเดินทาง สามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อประสานงานในการเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลในญี่ปุ่นได้

หมายเหตุ:

  • บางบริษัทให้ซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • เบี้ยประกันสำหรับทริปญี่ปุ่น 7 วันนั้นเริ่มต้นไม่ถึงหลักพัน แนะนำให้ซื้อไว้อุ่นใจกว่าค่ะ

อ้างอิงจาก vjw-lp.digital.go.jp (อัปเดตวันที่ 25 มกราคม 2567)

Klook.com

สรุปขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น

ใครที่อ่านแล้วอาจจะงงหรือสับสน เราขอสรุปขั้นตอนการเข้าประเทศญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวแบบสั้นๆ ดังนี้

  1. ทำพาสปอร์ต (กรณีที่ยังไม่เคยมี / พาสปอร์ตเดิมหมดอายุ / พาสปอร์ตมีอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือน)
  2. ควรลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ให้เสร็จก่อนเดินทางมาถึงญี่ปุ่น เพื่อกรอกข้อมูลประวัติการเข้าประเทศและเอกสารแสดงของต้องสำแดง (ที่เคยกรอกบนเครื่องบิน)
    ※ตั้งแต่ 29 เมษายน 2566 ไม่ต้องลงทะเบียนใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดและใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบออกเดินทาง
  3. ควรซื้อประกันเดินทางไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ต้องรักษาพยาบาล (ควรซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 2 ชั่วโมง)
  4. หลังถึงสนามบินปลายทางที่ญี่ปุ่น ให้แสดงหน้าจอลงทะเบียนและ QR Code จากเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อแสกนในจุดต่างๆ ตามขั้นตอนการเข้าสู่ประเทศ

รีวิวประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่น 2022

อันนี้เป็นประสบการณ์ที่แอดมิน Kzy ของเราได้เจอจากทริปเที่ยวคิวชูเหนือเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยลงเครื่องบินที่สนามบินฟุกุโอกะนะคะ

Fukuoka Airport QR Code
การผ่านจุดตรวจกักกันโรคที่สนามบินฟุกุโอกะ

การเดินทางเข้าประเทศ

  • สายการบินไทยไม่ได้มีการตรวจเอกสารเกี่ยวกับโควิดใดๆ ก่อนขึ้นเครื่องบินไปญี่ปุ่น
  • ขั้นตอนการเข้าประเทศยังเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อยื่นใบรับรองวัคซีนหรือผลตรวจโควิด
  • ต้องแสดงหน้าจอสีน้ำเงินและสแกน QR Code ในขั้นตอนการผ่านจุดกักกันโรค (Quarantine) หลังจากนั้นจะได้รับกระดาษสีฟ้า Health Card ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด
  • บนเครื่องบินยังมีการแจกกระดาษกรอกใบสีเหลือง Disembarkation Card และ Customs Declaration สามารถใช้กรอกแทนการสแกน QR Code ของเว็บไซต์ Visit Japan Web ได้เช่นกัน
เที่ยวญี่ปุ่น ฟุกุโอกะ หลังงเปิดประเทศ
ทางเข้าศาลเจ้าดาไซฟุ

การป้องกันโควิด

  • ที่ญี่ปุ่นยังใช้มาตรการป้องกันโควิดค่อนข้างเข้มข้น เมื่ออยู่ในอาคารหรือในระบบขนส่งสาธารณะยังต้องใส่หน้ากากอนามัย
  • สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้เมื่ออยู่ข้างนอกอาคาร แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังใส่อยู่ดี (ยกเว้นเวลากินอาหาร)
    ※ตั้งแต่ 13 มีนาคม 2023 ไม่บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยแล้ว แต่ควรสวมเมื่ออยู่ในที่แออัด
  • ก่อนเข้าใช้บริการสถานที่ต่างๆ จะมีการวัดอุณหภูมิและให้ล้างมือด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์ (ร้านอาหารจะเคร่งเป็นพิเศษ)
  • ตามห้องน้ำในที่สาธารณะส่วนใหญ่จะงดให้บริการเครื่องเป่ามือ จึงควรเตรียมทิชชู่หรือผ้าไว้สำหรับเช็คมือ
  • ควรดื่มน้ำเยอะๆ เนื่องจากอากาศแห้ง อาจทำให้มีอาการเจ็บคอได้ (เราติดยังหว่า…เอิ๊ก~)
  • ควรพก ATK มาจากไทย เนื่องจากที่ญี่ปุ่นมีราคาแพงกว่า (ที่ญี่ปุ่นเรียก PCR Test Kit)
Hakata Illumination
งานประดับไฟหน้าสถานี Hakata

การท่องเที่ยว

  • คนญี่ปุ่นยังคงออกมาท่องเที่ยวและใช้ชีวิตตามปกติ แม้ว่าจะมียอดผู้ติดโควิดสูงมากก็ตาม ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องระมัดระวังตัวเช่นกัน เพราะหากติดขึ้นมาอาจทำให้ทริปล่มได้ หากมีอาการรุนแรง (แอดมินยังรอดมาทุกซีซั่น)
  • สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ คนจะเยอะมากในช่วงวันหยุด จึงควรวางแผนการท่องเที่ยวดีๆ หากไม่อยากเจอผู้คนหนาแน่น และลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • เราเลือกเข้าร้านอาหารที่โล่งๆ ไม่แออัด และเลือกเวลาที่คนซาแล้ว ส่วนตอนเย็นเน้นซื้อหาอาหารจากร้านสะดวกซื้อกลับไปทานที่โรงแรม
  • แถวแลก JR PASS และจองที่นั่งที่บนรถไฟที่เคาน์เตอร์ในสถานี Hakata นั้นแถวยาวมาก ควรเผื่อเวลาในส่วนนี้ด้วยนะคะ
HAKATA SOUVENIR SHOP
ร้านขายของฝากในสถานี Hakata

การช้อปปิ้ง

  • ร้านค้าร้านตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ดาไซฟุ ยุฟุอิน และในสนามบินยังมีบางส่วนที่ปิดให้บริการอยู่ แต่โดยรวมก็ไม่ได้เงียบเหงา
  • ของฝากยอดฮิตบางอย่างที่สนามบิน เช่น Tokyo Banana, Yoku Moku ขายหมดเกลี้ยงจ้า
  • หากต้องการซื้อของฝาก แนะนำว่าควรหาซื้อตั้งแต่ในเมืองโดยเลือกร้านที่เป็น Tax Free เนื่องจากสนามบินคนเยอะตั้งแต่ขั้นตอนการ Check-in และโหลดกระเป๋า การผ่านจุด Security ไปจนถึงการเข้าแถวจ่ายเงินที่ร้านค้า หากมาช้าอาจไม่มีเวลาช้อปได้

ส่งท้าย

ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวญีปุ่นในปี 2023 (พ.ศ. 2566) นี้แทบจะเหมือนการเดินทางมาช่วงก่อนโควิดเลย (ยกเว้นตั๋วเครื่องบินที่หลายคนบ่นว่าแพง 555) โดยเราจะได้ฟรีวีซ่า 15 วัน เพิ่มเติมคือพิธีการลงทะเบียนข้อมูลสักหน่อย

บทความนี้แอดมินเขียนจากข้อมูลที่มีการประกาศไว้จากหน่วยงานต่างๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากในความเป็นจริงแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างใด สามารถแจ้งแอดมินตามช่องทางต่างๆ ทั้ง Facebook และ LINE ให้ปรับปรุงข้อมูลได้เลยนะคะ สวัสดีค่า

เขียนเมื่อ Jul, 1 2022
อัปเดตล่าสุด Jan 26, 2024

ค้นหาโรงแรมที่พักในญี่ปุ่น


บทความเตรียมตัวไปญี่ปุ่น ดูทั้งหมด »

รูปภาพที่มีโลโก้และบทความในเว็บไซต์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ JapanKakkoii.com